ก่อนอ่านความหลอน แนะนำกดเครื่องดื่ม #พยาบาทชาติที่แล้ว จากตู้เต่าบินเพื่อเพิ่มอรรถรสที่มากยิ่งขึ้น
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องของผมเอง ย้อนกลับไปเมื่อช่วงประมาณ 3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมอายุยี่สิบห้าปีพอดีคงหลีกหนีความเชื่อในเรื่องของเบญจเพสไม่ได้ อะไรที่ว่าทำแล้วดีผมก็ทำหมดทั้งเดินสายทำบุญ อาบน้ำมนต์ พยายามไม่ใช้ชีวิตประมาท แต่แล้วเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นกับผม..
พอผ่านพ้นวันเกิดครบรอบอายุยี่สิบห้าของผมไป ผมเห็นเพื่อน ๆ หลายคนมักจะบ่นลงโซเชียลในเรื่องแปลก ๆ ที่ตัวเองเจอ อาจจะไม่ใช่เรื่องราวลี้ลับสะหมดเลยทีเดียว แต่มีเรื่องการงาน การใช้ชีวิตที่ติด ๆ ขัด ๆ ไปบ้าง หรือบางทีก็พบเจอกับอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง ทำให้เสียทั้งเงินทอง และเจ็บตัวไปในคราวเดียวกัน
ผมลืมแนะนำตัวไปครับผมชื่อ “พล” มีเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกันมาก ๆ อยู่สองคน ผมขอใช้นามสมมติถึงเพื่อนคนนั้นว่า “แจ่ม” และ “ออย” ในช่วงสุดสัปดาห์ผมได้นัดแจ่ม และออยมาแฮงค์เอาท์กันตามปกติ ไม่พลาดที่จะแชร์เรื่องราวของแต่ละคนให้ฟัง แจ่ม และออยเล่าว่าช่วงนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็รู้สึกติด ๆ ขัด ๆ เหมือนจะเกือบดี สุดท้ายก็พลาดโดยเฉพาะเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว ส่วนเรื่องของผมที่คิดว่าแย่ที่สุดในช่วงนี้ก็คือเลิกกับแฟนที่คบกันมาห้าปี แฟนที่คบกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย สาเหตุที่เลิกก็เพราะผมจับได้ว่าเธอมีคนอื่น แล้วคนอื่นที่ว่าก็คือเพื่อนในคณะที่ผมเองก็รู้จัก ที่แย่ไปมากกว่านั้นคือทั้งสองแอบคบกันก่อนที่ผมจะจับได้มาสองปี กว่าจะผ่านมันมาได้เล่นเอาเป๋ไปเลยครับ พอมาโดนกับตัวก็รู้ว่ามันเจ็บกว่าที่คิดเอาไว้มากเลย
ผม แจ่ม และออยเราสามคนตกลงกันไว้ว่าจะไปเดินสายทำบุญกันที่วัดต่างจังหวัดในช่วงอาทิตย์หน้า ซึ่งเป็นวัดหยุดยาว เราสามคนก็เลยแยกย้ายกันไปหาข้อมูลกัน จนได้วัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการสะเดาะห์เคราะต่อชะตา เปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดีหลังจากที่กลับมาจากแฮงค์เอาท์ในคืนนั้น
เมื่อมาถึงวันนัดเราทั้งสามคนตกลงกันไว้ว่าจะขับรถไป โดยที่ผมอาสาเป็นคนขับพาเพื่อน ๆ ไป คืนก่อนไปวัดไม่รู้ว่าทำไมผมถึงนอนไม่หลับสักที พอจะข่มตานอนทีไรในหัวผมก็ดันจินตนาการเรื่องแปลก ๆ ราวกับว่าตัวเองฝันอยู่ในสถานที่ไหนสักแห่ง ซึ่งผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ฝันไปอย่างแน่นอน แต่พอลืมตาขึ้นมาจินตนาการที่อยู่ในหัวก็หายไป แต่สิ่งที่รับรู้ได้เหมือนปากของผมขยับพูดคำว่า “เข้ามาเลย” พร้อมกับลมเย็น ๆ ที่พัดผ่าน ลมเย็น ๆ ที่ไม่ใช่ลมจากเครื่องปรับอากาศอย่างแน่นอนผมมั่นใจ ผมเลยเลือกที่จะนอนเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ จนไม่รู้ว่าตัวเองหลับตอนไหน รู้ตัวอีกทีคือช่วงสายของวัน ผมเลยรีบไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่จะรีบลงมายังด้านล่างคอนโดซึ่งเป็นสถานที่ที่ผมนัดเพื่อนทั้งสองเอาไว้ แทนที่พวกมันจะเข้ามานั่งรอด้านใน กลับยืนรออยู่ด้านนอกคอนโดแทนพร้อมกับโบกมือให้ผมว่าจะรออยู่ตรงนี้ ผมเลยพยักหน้าตกลงก่อนที่จะกลับไปเอารถ และขับออกมารับเพื่อน ๆ ทั้งสอง
พอผมขับออกมารับแจ่ม และออยโดยที่เตรียมใจแล้วว่าพวกมันต้องด่าผมแน่ ๆ ที่ตื่นสาย แต่เปล่าเลยทั้งสองไม่ได้บ่น หรือว่าอะไร เพียงแค่ยิ้มให้ผมเท่านั้น ก่อนที่เราทั้งสามคนจะพูดคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย ๆจนกระทั่งเราทั้งสามขับมาถึงวัดแรกซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณแปดสิบกิโลฯ วัดนี้แจ่มเป็นคนหามาครับ แจ่มบอกว่าเป็นวัดป่าที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการอาบน้ำมนต์ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย พอขับเข้ามาความรู้สึกแรกที่ผมรู้สึกเลยคือความอึดอัดครับ อึดอัดใจแปลก ๆ แต่บอกไม่ถูกว่าอึดอัดเพราะอะไร ภายในวัดเต็มไปด้วยรูปปั้นต่าง ๆ ราวกับว่ารวมหลาย ๆ ความเชื่อเข้ามาไว้ในสถานที่แห่งเดียวกัน ในใจตอนนั้นผมจินตนาการไปว่าหากมาตอนกลางคืนคงหลอนไม่น้อย ในช่วงที่ผมคิดอะไรเพลิน ๆ แจ่มมันก็เดินมาพูดกับผมว่า “คุ้น ๆ ไหม” ผมเลยตอบไปว่าไม่คุ้นเลย เท่าที่จำได้ผมไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้ แต่แจ่มกับบอกว่า “เราเคยมาด้วยกันไง” ผมก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่แต่ไม่ได้ตอบอะไรมันกลับไป จนกระทั่งเราเปลี่ยนชุดเพื่อมาอาบน้ำมนต์โดยพระอาจารย์ของวัดแห่งนี้ ช่วงที่ต้องเอาสายสิญจน์พันรอบ ๆ ศีรษะ อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมา แต่ก็แค่แปบเดียวก่อนที่ความปวดนั้นจะค่อย ๆ หายไป จนกระทั่งเสร็จพิธี
หลังออกมาจากวัดแรกแล้ว เราทั้งสามคนมาอีกวัดหนึ่งที่ห่างจากวัดแรกประมาณยี่สิบกิโลฯ วัดนี้เป็นเหมือนวัดทั่ว ๆ ไปที่เปิดให้คนเข้ามาทำบุญ ซึ่งเป็นวัดที่ออยเป็นคนหามา ความรู้สึกแรกที่เข้ามาในวัดผมรู้สึกถึงความร่มเย็น ไม่ได้อึดอัดเหมือนตอนแรก เราทั้งสามทำบุญตามจุดต่าง ๆ จนเกือบครบ ตอนนั้นผมปวดฉี่เลยแยกจากเพื่อนทั้งสองมาเข้าห้องน้ำ พอออกมจากห้องน้ำผมสวนเข้ากับพระรูปหนึ่งที่ค่อนข้างมีอายุ จากการคาดเดาท่านน่าจะเป็นพระแก่พรรษา อายุราว ๆ เจ็ดสิบกว่าปี ผมเลยยกมือไหว้ ส่วนท่านเองก็หยุดพร้อมกับยิ้มให้ผมแล้วพูดว่า “ช่วงนี้ลำบากหน่อยนะโยม เดี๋ยวก็ผ่านไป ขอให้มีสติอยู่กับตัวเอง ถ้าเป็นไปได้คืนนี้ก็หาที่พักนอนก่อนแล้วค่อยกลับ” ราวกับว่าพระท่านรู้ว่าผมเจอปัญหาอะไรมา และทักผมที่ว่าคืนนี้ค่อยหาที่พักนอนก่อนก็แล้วกัน ผมเคยได้ยินมาว่าหากพระท่านทักอะไรแบบนี้แสดงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ทางที่ดีผมว่าผมควรทำตามที่ท่านทักคือการนอนพักก่อนแล้วค่อยเดินทางกลับในวันต่อไป แต่เรื่องนี้ผมต้องไปถามแจ่มกับออยอีกทีเพราะผมไม่ได้มาคนเดียว ผมก็เลยได้แต่ยกมือไหว้ แต่ก่อนจะไปพระท่านให้วัตถุมงคลกับผมมาแล้วบอกว่าให้เก็บเอาไว้จะช่วยให้ปลอดภัยจากอันตรายผมเลยได้เก็บเครื่องรางนั้นเอาไว้กับตัวก่อนที่จะเดินกลับมาหาเพื่อนทั้งสองที่รออยู่
หลังที่เราสามคนทำบุญวัดที่สองเสร็จ แจ่มบอกว่าทางผ่านที่เราจะกลับนั้นมีชุมชนโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีตลาดน้ำ และมีร้านอาหารอร่อย ๆ ผมก็เลยแวะเที่ยวก่อนกลับ รู้ตัวอีกทีเราสามคนก็ออกมาจากตลาดในช่วงใกล้ค่ำ อยู่ ๆ ฝนก็ตกหนักทำให้พวกเราสามคนตกลงกันไว้ว่าจะแวะหาโรงแรมนอนก่อน เพราะขับรถกลับเลยไม่ไหวถ้าฝนยังตกหนักขนาดนี้ ประจวบกับที่พระท่านทักผมพอดี ด้วยความที่เป็นจังหวัดทางผ่านระหว่างกลับเข้ากรุงเทพฯ ทำให้หาโรงแรมนอนยาก สิ่งเดียวที่พึ่งได้ในตอนนี้คือการเปิดแอปพลิเคชั่นหาที่ ที่ใกล้ที่สุด เดชะบุญที่มีโรงแรมอยู่ไม่ไกลประมาณห้ากิโลเมตร ผม และเพื่อน ๆ จึงตกลงกันว่าจะเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ก่อน
ตลอดทั้งทางในหัวของผมจินตนาการไปต่าง ๆ นานาว่าโรงแรมตามต่างจังหวัดจะต้องเก่า ๆ มีประวัติความเป็นมาที่ชวนให้ขนหัวลุกเหมือนที่เคยฟังตามรายการผีต่าง ๆ ที่มีคนมาแชร์ประสบการณ์ คืนนั้นผมเตรียมตัวเอาไว้แล้วว่าถ้าเจอจริง ๆ ผมก็คงเป็นอีกสายที่จะโทรเข้ามาเล่าเรื่องราวความหลอนให้คนอื่น ๆ ได้ฟัง แต่แล้วความกังวลของผมก็ค่อย ๆ คลายลงเมื่อมาถึงโรงแรมดังกล่าว สภาพด้านนอกดีกว่าที่คิดเอาไว้มาก แม้ว่าจะบรรยากาศจะดูเย็น ๆ ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่าบรรยากาศเย็น ๆ นั้นมาจากฝนที่ยังคงตกหนัก อากาศจะเย็นก็คงไม่แปลก
พอพวกเรามาถึงมีพนักงานชายที่มีอายุรอต้อนรับอยู่ด้านใน จัดแจงพาพวกเราทั้งหมดไปยังห้องพักที่ว่างอยู่ ด้วยความที่เรามากันสามคนผมเลยนอนคนเดียว เพราะแจ่มกับออยเป็นผู้หญิงจึงนอนด้วยกัน แต่ก่อนที่ผมจะเข้าห้องพนักงานชายก็ได้หันมามองหน้าผม และพูดด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ ว่า “ก่อนนอนอย่าลืมสวดมนต์ แผ่เมตตาด้วยนะครับ” จากที่ไม่คิดอะไร ตอนนี้ผมก็เริ่มหวั่นใจขึ้นมา ผมไปนอนโรงแรมตามต่างจังหวัดมาก็เยอะ แต่ไม่เคยเจอพนักงานที่ไหนพูดกับผมอย่างนี้เลยสักคน
“พล หรือมึงจะนอนกับพวกกูไหม” แจ่มหันมาบอกกับผม เพราะเธอเองก็ได้ยินประโยคที่พนักงานบอกกับผมเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าอะไรดนใจทำให้ผมปฏิเสธความหวังดีของเพื่อนไปทั้ง ๆ ที่ในใจตอนนั้นเริ่มหวาดระแวง ไม่รู้ว่าหลาดระแวงพนักงานโรงแรม หรือหวาดระแวงรอยยิ้มของแจ่มที่ยิ้มให้ผมนิ่ง ๆ ซึ่งปกติมันจะไม่ได้ยิ้มแบบนี้ให้ผม “ถ้าได้ยินเสียงแปลก ๆ ไม่ต้องตกใจ หรือทักนะครับ โชคดีแล้วแหละที่นอนห้องนี้” ก่อนที่ผมจะเข้าห้องพนักงานคนนั้นก็ได้ย้ำกับผมอีกครั้งก่อนที่เขาจะยิ้มให้ และโบกมือลาพร้อม ๆ กับประตูห้องนอนที่ค่อย ๆ ปิดลง
เมื่อเข้ามาในห้องแล้วสิ่งแรกที่ผมทำก็คือเดินสำรวจห้อง เมื่อเห็นว่าห้องปกติดีไม่มีส่วนไหนที่ทำให้ผมหวั่นใจก็เลยเข้ามาอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สดชื่น จังหวะที่ผมกำลังจะเช็ดตัว อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกัน ผมพยายามที่จะฟังดี ๆ ว่าต้นเสียงนั้นมาจากที่ไหนก่อนที่ผมจะได้ยินว่ามาจากห้องของเพื่อนผมที่มีผนังห้องติดกัน ผมก็เลยโล่งอก หากว่าต้นเสียงมาจากปลายทางอื่นก็คงจะหลอนมากกว่านี้
ด้วยความเหนื่อย และเพลียมาตลอดทั้งวันบวกกับเมื่อคืนที่กว่าจะนอนหลับ พอหัวถึงหมอนปุ๊บผมก็หลับทันที โดยที่ไม่ทันได้สวดมนต์แผ่เมตตาเหมือนอย่างที่พนักงานของโรงแรมบอก พอผมหลับตาภาพเหตุการณ์บางอย่างก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นจินตนาการที่ผมคิดเมื่อวาน แต่วันนี้มันชัดมากกว่าเดิม เริ่มต้นจาก..
ในจินตนาการนั้นไม่รู้ว่าผมเป็นใครมีลักษณะอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ ผมเห็นว่าแขนข้างขวาของตัวเองยื่นออกมาพร้อมกับแขนของอีกสองคนที่ผมไม่ทันได้เห็นหน้าชัด ๆ ว่าคือใครก่อนที่มีดคม ๆ จะกรีดลงมาบนแขนของเราทั้งสามคนจนเลือดสีแดงสดไหลลงบนขันน้ำเก่า ๆ พร้อมกับได้ยินเสียงของคนพูดว่า “พวกเราทั้งสามคนขอสาบานว่าจะอยู่ด้วยกันฉันท์พี่น้อง อยู่ก็อยู่ด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน” สิ้นเสียงคำพูดนั้นผมรู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าถูกของมีคมกรีดลงบนแขนจริง ๆ กลิ่นของคาวเลือดคละคลุ้งไปหมด แต่แล้วเหตุการณ์นั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ภาพต่อมาที่ผมเห็นคือการเข่นฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยม ไม่ว่าจะเด็ก ผู้หญิง คนชราก็ไม่เว้น ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องฆ่าคนมากขนาดนั้นก่อนที่ทุกอย่างจะเฉลยว่าเป็นการฆ่าเพื่อปล้นทรัพย์สิน
ภาพเดิมที่กลับมาคือผมนั่งอยู่ที่ไหนสักแห่งซึ่งเป็นสถานที่โล่ง ๆ ตรงหน้าเต็มไปด้วยเหล้า ยา ปลาปิ้งมากมาย ผมเห็นใครอีกสองคนกำลังขุดหลุมอะไรบางอย่างก่อนที่จะโยนเอาทรัพย์สินที่ปล้นมาได้โยนใส่ในหลุมนั้นราวกับว่าสถานที่แห่งนี้คือสถานที่ ที่ใช้เก็บทรัพย์สมบัติ และเป็นที่กบดานของพวกเขา ข้างกายของผมมีผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในสภาพใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผล แววตาของเธอที่มองมาที่ผมเต็มไปด้วยความโกรธแค้น อาฆาต “มึงมันไม่ใช่คน! มึงฆ่าลูกกู มึงฆ่าผัวกู!” เธอตะโกนใส่หน้าผมก่อนที่จะพุ่งตัวเข้ามาบีบคอผม จังหวะที่เธอบีบคอผมรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ อีกแค่เสี้ยววินาทีหากเธอไม่ปล่อยผมก็คงจะตายตรงนั้น สิ่งที่ผมเห็นต่อจากนี้เป็นภาพที่ค่อนข้างหน้าตกใจเมื่ออยู่ ๆ ศีรษะของเธอก็ขาดสะบั้นเลือดกระจายเต็มบริเวณก่อนที่จะกลิ้งตกลงอยู่ปลายเท้าของผมแต่สายตาของเธอยังคงมองมาที่ผมด้วยแววตาเคียดแค้นปากของเธอขยับพูดก่อนจะสิ้นลมว่า “กูจะตามจองล้างจองผลาญมึงทุกชาติไปจนกว่าที่กูจะตามหามึงเจอ!” จังหวะนั้นเองที่ผมได้เห็นชัด ๆ ว่าคนที่ฟันศีรษะของผู้หญิงคนนั้นคือผู้ชายที่มีหน้าตาเหมือนกับผมไม่มีผิด! “ถ้ามึงเจอกู มึงก็มาฆ่ากูได้เลย!” ประโยคนั้นออกมาจากปากผมด้วยความท้าทาย
อยู่ ๆ ผมก็หายใจไม่ออกก่อนที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมา สิ่งที่ผมเห็นหน้าตกใจกว่าจินตนาการเมื่อสักครู่นี้ เพราะคนที่ค่อมผมอยู่คือแจ่มที่ค่อย ๆ ฉีกยิ้มทีละนิด ทีละนิดก่อนที่ปากของเธอจะฉีกออกถึงหู และระเบิดหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ จังหวะนั้นเองที่ผมรู้สึกจนหายใจไม่ออก ภาพเหตุการณ์วันนี้ที่เธอบอกกับผมว่า “คุ้น ๆ ไหม ที่เราเคยมาด้วยกันไง” คือสถานที่ที่ผมฟันศีรษะของเธอขาด ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองพูดอะไร แต่เท่าที่จำได้คือผมพยายามยกมือขึ้นขอโทษเธอด้วยความรู้สึกผิด แม้ว่าผมจะจำไม่ได้เลยก็ตามว่าเคยทำอะไรไว้กับเธอบ้าง หางตาของผมเห็นว่าออยกำลังใช้มีดกรีดที่แขนของผมเป็นทางยาวด้วยมีดเล่มหนึ่ง เหมือนว่าเธอรู้แล้วว่าผมมองอยู่จึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ทันใดนั้นเองที่ผมรู้ว่าทั้งสองไม่ใช่เพื่อนของผมแต่คือใครบางคนที่อยู่ในจินตนาการของผมมาตลอดราวกับว่าเฝ้ารอหาโอกาสในการแก้แค้น สายตาของผมเหลือบมองไปที่ประตูห้องที่เปิดออกพร้อมกับ ปรากฏภาพของผู้ชายที่เป็นพนักงานโรงแรมแห่งนี้ และอีกคนคือพระที่ผมเจอเมื่อตอนกลางวันมองมาที่ผมด้วยสายตานิ่ง ๆ ไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใด ๆ ปากของผมพยายามขยับว่าช่วยด้วย ช่วยด้วย.. แต่แล้วทั้งสองคนก็ค่อย ๆ เดินหายไป “ไหนว่าจะอยู่ก็อยู่ด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกันไง!” ผมตะโกนออกไปโดยที่ไม่รู้ตัวเองราวกับว่าคนกำลังขาดอากาศหายใจ แต่แล้วสิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าคือผู้ชายที่เป็นพนักงานที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่หยุดยืนอยู่ข้าง ๆ มองผมด้วยสายตาเจ็บปวด “คนที่หนีตายไปแล้วคือมึง!” ภาพตรงหน้าค่อย ๆ หายไปก่อนที่ผมจะกลับเข้ามาสู่สิ่งที่ผมคิดว่าคือจินตนาการ
ภาพที่เห็นคือสถานที่ ที่เป็นบ้านเก่า ๆ พร้อมกับบรรยากาศฝนตก “กูว่ากูจะพอแล้ว ที่ผ่านมามันเราทำบาปทำกรรมไว้มากแล้วว่ะ” คำพูดนั้นออกมาจากปากของผมที่พูดกับชายสองคนนั้น “มึงจะหยุดได้อย่างไง หยุดไปมึงก็ตาย” ชายที่หน้าคล้ายกับพระพูดกับผม “ถ้ามอบตัวก็ไม่ตาย กูขอโทษ” สิ้นเสียงคำพูดของผม เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในชุดตำรวจราว ๆ สามสิบปีก่อนเข้ามาล้อมพวกผมทั้งสามคนเอาไว้ “นี่มึงหักหลังพวกกูเหรอ” ในจังหวะนั้นเองที่ผมพึ่งเข้าใจว่าตัวเองกำลังทรยศคนที่สาบานว่าจะเป็นพี่น้องกันตลอดไปเพียงเพราะ…
ภาพตัดมายังโบสถ์แห่งหนึ่งที่ผมคุ้นตา คือโบสถ์ของวัดที่สองที่ผมไป ผมเห็นภาพตัวเองก้มกราบอยู่กลางโบสถ์โดยที่ข้าง ๆ ผมมีผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง ผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายกับแฟนเก่าของผมที่พึ่งเลิกกันไป “พี่พล พี่สัญญากับฉันแล้วนะจ๊ะว่าจะเลิกเป็นโจร ถ้าพี่เป็นสายพาไปจับอีกสองคนพี่จะรอดนะจ๊ะ” ผมหันไปยิ้มให้กับเธอแล้วพยักหน้าตอบตกลง..อย่าบอกนะว่านี่คือต้นเหตุที่ทำให้ผมผิดสัญญาที่ให้ไว้ แล้วล่อเพื่อนทั้งสองเพื่อมาถูกตำรวจจับกุม
ภาพตัดมาที่ผมค่อย ๆ ลุกเพื่อเดินไปยังตำรวจราวกับว่าต้องการแสดงตนว่าตัวเองเป็นสายให้กับตำรวจ แต่ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปอยู่ ๆ ผมก็รู้สึกเจ็บปวดจนล้มลงสัมผัสได้ถึงของเหลวที่ไหลออกมาจากร่างกายก่อนจะเห็นว่าผมถูกยิง คนที่ยิงผมคือผู้หญิงคนที่ผมสัญญาว่าจะเลิกเป็นโจร “สำหรับที่มึงฆ่าพี่สาวกู!” จังหวะที่ผมกำลังจะสิ้นลมผู้ชายที่หน้าคล้ายกับพระที่เจอพูดกับผมด้วยสายตาเจ็บปวดว่า “กูจะอยู่รอจนกว่าที่มึงจะกลับมา” หลังจากนั้นภาพทุกอย่างค่อย ๆ หายไป ก่อนที่ผมจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
น่าแปลกที่ผมไม่ได้อยู่ที่ห้องภายในโรงแรมแล้ว แต่ผมกำลังนั่งอยู่กลางถนนขณะที่ฝนตกหนัก อยู่ ๆ ผมก็เห็นแสงไฟสว่างพร้อมกับเสียงบีบแตรที่ดังลากยาวราวกับบอกให้ผมหลบไป โชคร้ายไปหน่อยครับที่ผมหลบไม่ได้จนถูกรถกระบะคันนั้นชนเข้ามาที่ตัวของผมจนกระเด็นมาอีกฝั่ง ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร ความรู้สึกคล้าย ๆ กับตอนที่ผมโดนยิง สายตาของผมมองเห็นฝั่งตรงข้าม เห็นทุกคนยืนอยู่มองผมมาด้วยสายตาที่หลากหลาย ทั้งสะใจ ทั้งดีใจ และสายตาที่บอกกับผมว่าเราหมดสิ้นเวรกรรมกันแล้ว…
เชื่อไหมล่ะครับว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผมนอนไม่รู้สึกตัวมาเกือบปีจากเหตุการณ์ครั้งนั้น พอผมตื่นขึ้นมาได้รับรู้ความจริงที่ว่าทั้งแจ่ม และออยไม่ได้มีใครไปกับผมเลย ทั้งสองบอกว่าส่งข้อความมาบอกผมแล้วตั้งแต่คืนนั้นว่าต้องกลับบ้านด่วนทั้งคู่ แล้วคนที่ผมเจอสองคนนั้นคือใครกัน? ถ้าคืนนั้นผมตอบตกลงไปว่าจะนอนกับแจ่มผมจะมีโอกาสรอดกลับมาไหม
จากเหตุการณ์ครั้งนี้สิ่งที่ผมได้รับคือความรู้สึกผิดแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเรื่องของชาติที่แล้วที่ผมจำได้ไม่ได้ว่าตัวเองทำกรรมอะไรไว้บ้างทำไมคนอื่นถึงโกรธแค้นขนาดนั้น เมื่อเอาทุกอย่างมาประติดประต่อเรียงร้อยเป็นเรื่องเดียวกันถึงได้เข้าใจว่าสิ่งที่ผมทำลงไปนั้นยากเกินจะให้อภัย ทั้งฆ่าคนเป็นว่าเล่นโดยที่ไร้ความเมตตา หักหลังคนที่ให้คำสาบานว่าจะเป็นพี่น้องกันตลอดไปไม่ทรยศกัน เห็นแก่ตัว สิ่งที่ผมได้รับจากเหตุการณ์ครั้งนั้นถือว่าน้อยมากกับสิ่งที่ผมทำ พอผมรักษาตัวจนหายดีผมตั้งใจที่จะบวชให้กับหลาย ๆ ชีวิตที่ผมได้พรากพวกเขาไปในชาติที่แล้ว เชื่อไหมล่ะครับว่าวัดที่ผมไปคือวัดที่สองที่ผมเจอกับพระท่านนั้น และได้รู้อีกว่าท่านพึ่งจะมรณภาพไปก่อนที่ผมจะมาบวชหนึ่งปี เท่ากับว่าท่านมรณตอนที่ผมรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนพนักงานโรงแรมคนนั้นผมก็ไม่เจออีกเลยพร้อม ๆ กับโรงแรมที่ผมไปพักคืนนั้นด้วย โรงแรมที่ไม่มีอยู่จริงครับ..
ขอบคุณเรื่องราวจากคุณพล คนน่ารัก
Komentáře